
สถิติการใช้กระบอกน้ำซ้ำในกลุ่มออฟฟิศและ Gen Y ที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม
สถิติการใช้กระบอกน้ำซ้ำในกลุ่มออฟฟิศและ ในโลกการทำงานยุคใหม่ที่ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำได้ไม่เพียงแต่เป็นเทรนด์ แต่ยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและโลก หนึ่งในไอเท็มที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ “กระบอกน้ำ” โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศและกลุ่ม Gen Y ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ไลฟ์สไตล์แบบยั่งยืน และความเป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น สถิติล่าสุดในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยชี้ให้เห็นว่าการใช้กระบอกน้ำซ้ำแทนการซื้อน้ำขวดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวเริ่มกลายเป็นพฤติกรรมหลักในชีวิตประจำวันของคนวัยทำงาน
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาดที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพลังในการจับจ่ายสูงและพร้อมเปิดรับแนวคิดใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านฟังก์ชัน ความสวยงาม และจริยธรรมในการบริโภค การถือกระบอกน้ำติดตัวไปทำงานหรือพกพาออกนอกบ้านไม่ใช่เพียงแค่การประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกทางตัวตน โดยเฉพาะเมื่อตัวกระบอกน้ำออกแบบมาให้มีสไตล์ ทันสมัย หรือมีฟีเจอร์ที่ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน
ข้อมูลจากหลายสำนักวิจัยในปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่ามากกว่า 65% ของพนักงานออฟฟิศในเขตเมืองใหญ่หันมาใช้กระบอกน้ำแทนน้ำดื่มแบบขวด โดยเฉพาะในองค์กรที่ส่งเสริมแนวทาง Green Office หรือที่มีนโยบายลดขยะพลาสติกอย่างจริงจัง ส่งผลให้การแจกกระบอกน้ำกลายเป็นกิจกรรม CSR ที่ได้รับความนิยมในหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการมอบเป็นกิ๊ฟเซ็ทกระบอกน้ำให้พนักงานใหม่ หรือใช้เป็นของขวัญในงานสัมมนาและกิจกรรมภายในต่าง ๆ แนวโน้มเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่สร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยสร้าง Brand Awareness ให้แก่ผู้รับและผู้พบเห็น
ในกลุ่ม Gen Y ซึ่งมีอายุระหว่างประมาณ 25-40 ปี การใช้กระบอกน้ำกลายเป็นพฤติกรรมที่สะท้อนถึงการดูแลสุขภาพด้วย หลายคนเลือกพกน้ำดื่มเองเพื่อควบคุมปริมาณน้ำที่บริโภคในแต่ละวัน หรือเลือกดื่มน้ำสมุนไพร ชาเขียว และน้ำดีท็อกซ์ต่าง ๆ ที่เตรียมจากบ้าน ข้อมูลจากแบบสอบถามออนไลน์ในกลุ่มผู้ใช้งาน Gen Y พบว่ากว่า 70% เลือกซื้อกระบอกน้ำที่มีฟังก์ชันเฉพาะ เช่น แก้วน้ำเก็บความเย็น ที่สามารถเก็บความร้อน-เย็นได้นาน หรือมีแก้วเชค ช่องกรองชาและสมุนไพรในตัว การออกแบบของผลิตภัณฑ์จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อไม่แพ้ราคา
แบรนด์ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการในระดับลึกเช่นนี้ ย่อมมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องการสร้างแบรนด์ผ่านของแจก หรือนักการตลาดที่ต้องการขยายการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มคนทำงาน หนทางหนึ่งที่ได้ผลดีคือการออกแบบกระบอกน้ำที่มีดีไซน์เฉพาะของแบรนด์เอง หรือมีข้อความสื่อสารที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะหากสอดคล้องกับคุณค่าที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญ เช่น การดูแลสุขภาพ ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม หรือการใช้ชีวิตอย่างสมดุล
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้กระบอกน้ำกลายเป็นสื่อกลางที่มีพลังมากก็คือ ความสามารถในการใช้งานในสถานการณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะในออฟฟิศ ห้องประชุม โรงยิม คาเฟ่ หรือระหว่างการเดินทาง พื้นที่เหล่านี้คือจุดสัมผัสแบรนด์ (Brand Touchpoints) ที่มีศักยภาพในการสื่อสารแบบไม่รู้จบ เพราะทุกครั้งที่ผู้ใช้งานหยิบกระบอกน้ำขึ้นมา คือโอกาสที่แบรนด์จะถูกมองเห็น ทั้งโดยเจ้าของและผู้คนรอบข้าง
นอกจากนี้ กระบอกน้ำยังเป็นสินค้าที่เหมาะสมกับการผลิตแบบ Customize ได้ในต้นทุนที่สมเหตุสมผล ทำให้สามารถผลิตในจำนวนที่เหมาะสมกับงบประมาณขององค์กรแต่ละขนาด ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เล็กที่ต้องการสร้างความประทับใจให้ลูกค้า หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการโปรโมตภาพลักษณ์ผ่านของใช้ที่เป็นมิตรกับโลก
แม้กระทั่งในมุมของช่องทางการขายเอง การเพิ่มสินค้าประเภทนี้ในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หรือเว็บไซต์ของบริษัทก็สามารถเพิ่มโอกาสในการขายซ้ำ หรือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาของขวัญ ของใช้ หรือของสะสมที่มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะหากมีการเชื่อมโยงกับแนวคิด Storytelling ที่แบรนด์ต้องการนำเสนอ