สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการออกแบบกระบอกน้ำพรีเมี่ยม
กระบอกน้ำถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสินค้ายอดฮิตที่นิยมนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับโปรโมทกิจกรรมทางการตลาดในทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็น กระบอกน้ำพลาสติก กระบอกน้ำสแตนเลส หรือแก้วมัค เรียกได้ว่าเป็นสินค้าที่ยังคงเป็นเครื่องมือในการสื่อสารการตลาดที่ดีแม้ว่าบริบททางเศรษฐกิจและสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนก็ตาม ซึ่งในการออกแบบกระบอกน้ำพรีเมี่ยมสำหรับใช้ในกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ โดยทั่วไปแล้วก็มักจะคำนึงถึงความเข้ากันได้ของกิจกรรม หรือแคมเปญที่บริษัทต้องการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า หรือไม่ก็อาจคำนึงถึงความแปลกใหม่ สะดุดตาของตัวสินค้า เพื่อดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วการออกแบบสินค้าพรีเมี่ยมสักชิ้นให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ เป็นผลดีต่อทั้งลูกค้าที่ได้รับสินค้าไปใช้งาน และผลดีต่อการสื่อสารการตลาดให้ชัดเจนและได้ประสิทธิภาพมากขึ้นนอกเหนือจากความแมตช์กันได้กับแคมเปญ และความแปลกใหม่แล้ว ก็ยังจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งในบทความนี้เองก็ได้นำเอาข้อควรคำนึงต่างๆ ในการออกแบบกระบอกน้ำพรีเมี่ยมเพื่อให้ได้สินค้าที่ทั้งถูกใจกลุ่มลูกค้าและสื่อสารการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมาแนะนำบอกกล่าวให้ได้ทราบกัน
เลือกใช้ขนาดความจุมาตรฐาน สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงในการออกแบบกระบอกน้ำสักใบก็คือเรื่องของขนาดจุนั่นเอง โดยควรเลือกใช้ความจุที่เป็นมาตรฐาน เพราะกระบอกน้ำถือเป็นไอเทมที่มีประโยชน์ใช้งานสัมพันธ์กับการบรรจุน้ำ หรือเครื่องดื่มต่างๆ โดยตรง การเลือกระดับความจุที่เป็นมาตรฐานจะช่วยให้ลูกค้าที่ใช้งานสินค้าเรารู้สึกสะดวกในการใช้งานบรรจุเครื่องดื่มต่างๆ ได้เพียงพอกับขนาดบรรจุภัณฑ์เดิมของเครื่องดื่มนั้นๆ หรือเพียงพอกับปริมาณที่ต้องการดื่มในแต่ละช่วงเวลา ตัวอย่างเช่น หากเป็นกระบอกไซส์เล็กก็อาจใช้ความจุสัก 1 ลิตร หรือ 1,000 มิลลิลิตร หากเป็นขนาดกลางก็อาจเลือกใช้ความจุ 1.5 ลิตร(1,500 มล.) หากเป็นขนาดใหญ่ก็อาจใช้ความจุ 2 ลิตร(2,000 มล.) เป็นต้น
รูปทรงมาตรฐาน นอกเหนือจากเรื่องขนาดความจุที่ควรเลือกใช้ขนาดมาตรฐานแล้ว รูปทรงก็ถือเป็นอีกส่วนที่ควรเลือกใช้แบบมาตรฐานที่กระบอกน้ำจากแบรนด์ต่างๆ นิยมใช้กัน ทั้งนี้แม้ว่ารูปทรงที่แปลกใหม่ แตกต่างจากดีไซน์มาตรฐานทั่วไปจะมีส่วนทำให้ตัวสินค้าดูโดดเด่น สะดุดตามากขึ้น แต่ขณะเดียวกันการเลือกใช้รูปทรงมาตรฐานก็มีข้อดีหลายอย่างเช่นกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าที่ได้รับสินค้าไป เพราะรูปทรงที่เป็นมาตรฐานจะช่วยให้ลูกค้าปรับเปลี่ยน ซ่อมแซมตัวสินค้าได้เอง ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนฝากระบอกน้ำ หากเป็นกระบอกรูปทรงมาตรฐานแบบแก้วเก็บความเย็น เช่น ทรงเยติ หรือทรงทัมเบอร์ ลูกค้าก็จะสามารถหาซื้อฝามาเปลี่ยนเองได้ง่ายๆ แต่หากเป็นรูปทรงที่เราเลือกออกแบบเอง สั่งโรงงานผลิตตามสเปคที่กำหนดเองแน่นอนว่าเมื่อเกิดชำรุดเสียหายขึ้นมา ลูกค้าก็จะไม่สามารถซ่อมแซม หรือซื้อมาเปลี่ยนเองได้
มีอุปกรณ์เสริมแถมให้ อีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจในตัวสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้นได้ก็คือ การที่สินค้าพรีเมี่ยมชิ้นนั้นๆ มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานร่วมกัน ซึ่งสินค้าอย่างกระบอกน้ำนั้นก็จะมีอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ อย่างหลอด ถุงหูหิ้วไว้ใช้ร่วมกัน ดังนั้นในการเลือกออกแบบและสั่งทำกระบอกน้ำพรีเมี่ยมสักใบก็ควรมาพร้อมกับหลอด(พลาสตติกแข็ง)แบบใช้ซ้ำได้ และถุงผ้าสำหรับสวมหิ้ว แน่นอนว่าเมื่อสินค้าพรีเมี่ยมมาพร้อมกับเซ็ทอุปกรณ์ที่ทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นก็ย่อมทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความพิเศษของตัวสินค้ามากกว่าสินค้าพรีเมี่ยมแบบชิ้นเดี่ยวทั่วไป อย่างไรก็ตามการเลือกสั่งผลิตแบบเป็นเซ็ทพร้อมอุปกรณ์เสริมก็ย่อมตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วย ในการวางแผนใช้งบจึงต้องไม่ลืมคำนึงถึงความคุ้มค่า และความเหมาะสมกับแคมเปญการตลาดนั้นๆ ด้วย